• TH
    • EN
    • สมัครสมาชิก
    • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
    • ช่วยเหลือ
    • ติดต่อเรา
  • สมัครสมาชิก
  • เข้าสู่ระบบ
  • ลืมรหัสผ่าน
  • ช่วยเหลือ
  • ติดต่อเรา
  • TH 
    • TH
    • EN
ดูรายการ 
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
  •   หน้าแรก
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) - Health Systems Research Institute (HSRI)
  • Research Reports
  • ดูรายการ
JavaScript is disabled for your browser. Some features of this site may not work without it.

การประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของมาตรการค้นหาและตรวจวินิจฉัยวัณโรคแฝงในผู้สัมผัสวัณโรค

อุษา ฉายเกล็ดแก้ว; Usa Chaikledkaew; มนทรัตม์ ถาวรเจริญทรัพย์; Montarat Thavorncharoensap; จิระพรรณ จิตติคุณ; Jiraphun Jittikoon; ศิตาพร ยังคง; Sitaporn Youngkong; สุรัคเมธ มหาศิริมงคล; Surakameth Mahasirimongkol; พนิดา อยู่เพ็ชร; Panida Yoopetch;
วันที่: 2565-12
บทคัดย่อ
วัณโรคเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย M. Tuberculosis ส่วนใหญ่มักเกิดที่ปอด ซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้ง่าย ผู้สัมผัสที่อยู่ใกล้ชิดมีโอกาสป่วยเป็นวัณโรคหรือติดเชื้อวัณโรคแฝง ซึ่งมีโอกาสพัฒนาไปเป็นผู้ป่วยวัณโรค วิธีการวินิจฉัยการติดเชื้อวัณโรคแฝงที่ใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ 1) การทดสอบทางผิวหนัง (Tuberculin skin test, TST) 2) การตรวจเลือดเพื่อวัดการหลั่งของ Interferon gamma (Interferon-gamma release assays, IGRAs) ในประเทศไทยการตรวจวินิจฉัยวัณโรคแฝงในผู้สัมผัสด้วย IGRA มีราคาสูงและยังไม่ถูกบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ ดังนั้น การประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของการวินิจฉัยและการรักษาวัณโรคแฝงจึงเป็นข้อมูลสำคัญที่จะนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายยุติวัณโรคที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยต่อไป วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และผลกระทบด้านงบประมาณโดยใช้มุมมองทางสังคมและมุมมองของรัฐบาล รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ของมาตรการค้นหาและตรวจวินิจฉัยวัณโรคแฝง วิธีการศึกษา: การศึกษานี้เป็นการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์โดยใช้แบบจำลอง Decision tree และ Markov เพื่อวิเคราะห์ต้นทุนอรรถประโยชน์และผลกระทบด้านงบประมาณ โดยใช้ข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรมและมีกรอบระยะเวลาตลอดชีวิต ต้นทุนและผลลัพธ์ในอนาคตถูกปรับค่าให้เป็นมูลค่าปัจจุบันโดยใช้อัตราการปรับลดร้อยละ 3 ต่อปี อ้างอิงตามข้อเสนอแนะของคู่มือการประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพสำหรับประเทศไทย วิเคราะห์ความไม่แน่นอนของตัวแปรด้วยวิธีการวิเคราะห์ความอ่อนไหวแบบทางเดียวและแบบอาศัยความน่าจะเป็น ทางเลือกสำหรับมาตรการวินิจฉัยวัณโรคแฝง ได้แก่ 1) ไม่มีการวินิจฉัยและรักษาวัณโรคแฝง 2) ทดสอบด้วย TST และหากพบผลเป็นบวก จะให้การรักษาวัณโรคแฝง 3) ทดสอบด้วย IGRA และหากพบผลเป็นบวกจะให้การรักษาวัณโรคแฝง และทำการประเมินความเป็นไปได้ของการวินิจฉัยวัณโรคแฝง โดยใช้วิธีการทบทวนวรรณกรรมและการสนทนากลุ่ม ผลการศึกษา: ค่าอัตราส่วนต้นทุนต่อประสิทธิผลส่วนเพิ่ม (Incremental cost-effectiveness ratio, ICER) ของการทดสอบด้วย IGRA เมื่อเปรียบเทียบกับการทดสอบด้วย TST มีค่าเท่ากับ 1,220,287 บาทต่อปีสุขภาวะ ณ ความเต็มใจจ่าย 160,000 บาทต่อปีสุขภาวะ แสดงให้เห็นว่าการทดสอบด้วย IGRA ยังไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ แต่หากราคา IGRA ลดลงเท่ากับ 575 บาท การทดสอบด้วย IGRA จะมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ในบริบทของประเทศไทย ภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 5 ปี สำหรับการทดสอบด้วย TST และ IGRA เท่ากับ 148 ล้านบาท และ 330 ล้านบาท ตามลำดับ ความเป็นไปได้ของการวินิจฉัยวัณโรคแฝงในผู้สัมผัสปัจจุบันอาจยังไม่มีความพร้อมในทางปฏิบัติ เนื่องด้วยข้อจำกัดของจำนวนห้องปฏิบัติการและเจ้าหน้าที่ชันสูตร

บทคัดย่อ
Introduction: Tuberculosis (TB) is a communicable disease caused by M. tuberculosis. Contacts of TB cases become clinically active TB or remain in the latent tuberculosis infection (LTBI), which is subsequent progression to tuberculosis disease. Currently, the available tests for LTBI diagnosis include tuberculin skin test (TST) and interferon-gamma release assay (IGRA). In Thailand, IGRA test is costly and has not been included in the benefit package. The results from this study can be used as an evidence informed policy whether IGRA test should be included in the benefit package and can be applied to support the strategies to eradicate TB. Objectives: To evaluate cost-utility analysis, budget impact analysis and feasibility analysis of LTBI diagnosis for contacts of TB patients using societal and government perspectives. Methodology: Cost-utility analysis using a decision tree and Markov model was performed to simulate the costs and utilities, and to estimate the budget impact of contacts with pulmonary TB patients. All parameters were obtained from published studies. Lifetime horizon was applied with both costs and outcomes discounted by 3%, as recommended by the guidelines of economic evaluation in Thailand. One way and probabilistic sensitivity analyses were conducted to examine the uncertainty of input parameters. This study considered three alternative diagnosis strategies as follows: 1) No screening, 2) TST alone to diagnose LTBI, if TST test was positive, treatment would be provided, and 3) IGRA alone to diagnose LTBI, if IGRA test was positive, treatment would be provided. Focus group discussion and literature reviews were applied for feasibility analysis. Results: The incremental cost-effectiveness ratios (ICER) of IGRA alone compared with TST alone was THB 1,220,287 per QALY gained. At the willingness to pay (WTP) THB 160,000 per QALY gained, IGRA would not be cost-effective. If the price of IGRA was decreased to THB 575 per test, the strategy of IGRA would be cost-effective. Five-year budget for TST and IGRA was estimated to be THB 148 million and THB 330 million, respectively. The barriers for IGRA implementation were lack of laboratory infrastructure and limited availability of laboratory personnel.
Copyright ผลงานวิชาการเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข หากมีการนำไปใช้อ้างอิง โปรดอ้างถึงสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติสงวนลิขสิทธิ์สำหรับการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ฉบับเต็ม
Thumbnail
ชื่อ: hs2938.pdf
ขนาด: 1.418Mb
รูปแบบ: PDF
ดาวน์โหลด

คู่มือการใช้งาน
(* หากไม่สามารถดาวน์โหลดได้)

จำนวนดาวน์โหลด:
วันนี้: 0
เดือนนี้: 2
ปีงบประมาณนี้: 22
ปีพุทธศักราชนี้: 15
รวมทั้งหมด: 107
 

 
 


 
 
แสดงรายการชิ้นงานแบบเต็ม
คอลเล็คชั่น
  • Research Reports [2482]

    งานวิจัย

ชิ้นงานที่เกี่ยวข้อง

แสดงชิ้นที่เกี่ยวข้องโดย ชื่อเรื่อง ผู้แต่ง ผู้สร้าง และหัวเรื่อง

  • การพัฒนาระบบวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์การระบาดของวัณโรคดื้อยาในชุมชน โดยการศึกษาปัจจัยด้านพันธุกรรมของเชื้อวัณโรคดื้อยา ปัจจัยเจ้าบ้านที่สัมพันธ์กับอัตราการติดเชื้อวัณโรคดื้อยาทั้งจากตัวผู้ป่วยและผู้สัมผัสผู้ป่วย กระบวนการแพร่ระบาด และกระบวนการรักษาในพื้นที่ระบาดของประเทศไทย 

    หัชชา ศรีปลั่ง; Hutcha Sriplung; ณัฏฐกัญจน์ ทิพย์เครือ; Natthakan Thipkrua; สมาน ฟูตระกูล; Samarn futrakul; อิทธิพล จรัสโอฬาร; Itthipol Jarusoran; ก่อพงษ์ ทศพรพงศ์; Koapong Tossapornpong; ผลิน กมลวัทน์; Phalin Kamolwat; ไกรฤกษ์ สุธรรม; Krairurk Sutham; กันยา เอกอัศดร; Kunya Eak-usadorn; กรุณา สุขเกษม; Karuna Sukasem; ณัฐพร ไชยประดิฐกุล; Nathaporn Chaipraditkul; สายใจ สมิทธิการ; Saijai Smitthikarn; จันทิรา สุขะสิฐษ์วณิชกุล; Junthira Sukasitwanitchakul; ณฐกร จันทนะ; Nathakorn Juntana; อารียา ดิษรัฐกิจ; Areeya Ditrathakit; อุษณีย์ อึ้งเจริญ; Usanee Ungcharern (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2564)
    การศึกษาปัจจัยด้านพันธุกรรมของเชื้อวัณโรคดื้อยา ปัจจัยเจ้าบ้านที่สัมพันธ์กับอัตราการติดเชื้อวัณโรคดื้อยาทั้งจากตัวผู้ป่วยและผู้สัมผัสผู้ป่วย กระบวนการแพร่ระบาดและกระบวนการรักษา เป็นการวิจัยแบบตัดขวาง (Crossectional study) ...
  • การค้นหาสารต้านวัณโรคตัวใหม่ที่มีความจำเพาะสูงในการออกฤทธิ์ยับยั้งการติดเชื้อวัณโรคที่มีการดื้อยา 

    พรพรรณ พึ่งโพธิ์; Pornpan Pungpo; สุภา หารหนองบัว; Supa Hannongbua; อรดี พันธ์กว้าง; Auradee Punkvang; พฤทธิ์ คำศรี; Pharit Kamsri; ประสาท กิตตะคุปต์; Prasat Kittakoop; พจนีย์ ศรีมาโนชญ์; Potjanee Srimanote; ชมภูนุช ส่งสิริฤทธิกุล; Chomphunuch Songsiriritthigul; คมสันต์ สุทธิสินทอง; Khomson Suttisintong (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2562-06)
    วัณโรคเป็นโรคติดต่อที่เป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย ในงานวิจัยนี้มุ่งเน้นการออกแบบและค้นหาสารต้านวัณโรคตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งวัณโรคดื้อยากลุ่มฟลูออโรควิโนโลน โดยใช้ระเบียบวิธีการจำลองแบบแล ...
  • การศึกษาความชุกของวัณโรคแฝงและการให้ยาไอโซไนอะซิดเพื่อป้องกันการเกิดวัณโรคในเรือนจำของประเทศไทย (ปีที่ 1) 

    กมล แก้วกิติณรงค์; Kamon Kawkitinarong; ศิวะพร เกตุจุมพล; Sivaporn Gatechompol; อัญชลี อวิหิงสานนท์; Anchalee Avihingsanon; กำพล สุวรรณพิมลกุล; Gompol Suwanpimolkul; วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์; Weerakit Hanparipan (สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2562-11)
    วัณโรค (TB) ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของโลกและประเทศไทยยังคงติดอับดับหนึ่งในสิบสี่ประเทศที่มีอุบัติการณ์การเกิดวัณโรคสูงสุดซึ่งรายงานโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งประกอบไปด้วยปัญหาวัณโรคทั่วไป, วัณโรคดื้อยาหลายสาย ...

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV
 

 

เลือกตามประเภท (Browse)

ทั้งหมดในคลังข้อมูลDashboardหน่วยงานและประเภทผลงานปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)ประเภททรัพยากรนี้ปีพิมพ์ผู้แต่งชื่อเรื่องคำสำคัญ (หัวเรื่อง)หมวดหมู่การบริการสุขภาพ (Health Service Delivery) [620]กำลังคนด้านสุขภาพ (Health Workforce) [100]ระบบสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health Information Systems) [286]ผลิตภัณฑ์ วัคซีน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (Medical Products, Vaccines and Technologies) [126]ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ (Health Systems Financing) [159]ภาวะผู้นำและการอภิบาล (Leadership and Governance) [1289]ปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพ (Social Determinants of Health: SDH) [232]วิจัยระบบสุขภาพ (Health System Research) [28]ระบบวิจัยสุขภาพ (Health Research System) [21]

DSpace software copyright © 2002-2016  DuraSpace
นโยบายความเป็นส่วนตัว | ติดต่อเรา | ส่งความคิดเห็น
Theme by 
Atmire NV