บทคัดย่อ
การสั่งใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล จะช่วยให้เกิดสมดุลทางการเงินการคลังด้านสุขภาพ ในปัจจุบันโรงพยาบาลบันทึกข้อมูลการสั่งใช้ยาแก่ผู้ป่วยในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นมาตรฐาน การวิเคราะห์เพื่อประเมินคุณภาพการสั่งใช้ยายังมีอยู่จำกัด จึงได้มีการจัดทำชุดคำสั่งสำเร็จรูปในการวิเคราะห์ข้อมูลการสั่งใช้ยาผู้ป่วยนอกจาก 18 แฟ้มมาตรฐานด้วยโปรแกรม SQL และจัดอบรมให้แก่เภสัชกรและเจ้าหน้าที่ด้านคอมพิวเตอร์เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลของหน่วยงานตนเองได้ มีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการจำนวนทั้งสิ้น 134 แห่ง ระยะเวลาอบรมรุ่นละ 3 วัน รายงานวิจัยฉบับนี้จะนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลการสั่งใช้ยาในปีงบประมาณ 2553 ของ 88 โรงพยาบาลที่เข้ารับการฝึกอบรม เพื่อเป็นประโยชน์ในการประเมินคุณภาพการสั่งใช้ยาเปรียบเทียบกับโรงพยาบาลอื่น และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารและผู้กำหนดนโยบายด้านสุขภาพ โดยนำเสนอคุณภาพการสั่งใช้ยาผู้ป่วยนอกใน 3 ประเด็น ได้แก่ (1) การสั่งใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล (2) การสั่งใช้ยาพ่นสเตียรอยด์ในผู้ป่วยโรคหืด และ (3) การสั่งใช้ยาลดความดันโลหิต angiotensin converting enzyme inhibitors (ACEIs) หรือangiotensin II receptor blockers (ARBs) และการสั่งใช้ยาลดไขมัน statins ในผู้ป่วยเบาหวาน ผลการศึกษาพบว่า โรงพยาบาลมากกว่าครึ่งมีการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานในหวัดเจ็บคอ และใช้ยากลุ่มควิโนโลนในท้องเสียไม่ติดเชื้อเกินกว่าร้อยละ 50 สำหรับการสั่งใช้ยาพ่นสเตียรอยด์ในผู้ป่วยโรคหืดและการสั่งใช้ยา ACEIs/ARBs และ statins ในผู้ป่วยเบาหวานนั้น พบว่ามีการสั่งใช้ในระดับปานกลาง แต่พบความแตกต่างระหว่างโรงพยาบาลค่อนข้างมาก ดังนั้นทุกโรงพยาบาลควรดำเนินการส่งเสริมให้มีการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสะท้อนกลับสำหรับการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพการสั่งใช้ยาต่อไป อย่างน้อยที่สุดในโรคที่ได้รายงานในครั้งนี้
บทคัดย่อ
Rational drug use would lead to sustain health care financing. Currently, most hospitals have prescribing
data recorded in standard electronic databases. However, an analysis of these electronic data-bases providing a performance feedback on quality of prescribing is limited. The analysis algorithms to
assess prescribing indicators for 18 standard files on out-patient services using SQL program were developed.
Pharmacists and computer staff from 134 hospitals voluntarily attended the 3-day training sessions.
We reported the results of analyses of fiscal year 2553 data of the 88 attending hospitals. The information
presented could be used to guide not only health care settings, but also health policy makers, in terms of
rational antibiotic prescribing for common cold and diarrhea, inhaled coticostroid (ICS) prescribing for
asthma patients, and angiotensin converting enzyme inhibitors (ACEIs), angiotensin II receptor blockers
(ARBs), and statins prescribing for diabetes patients.
More than half of hospitals had greater than 50% of oral antibiotic prescriptions in common cold,
and quinolones prescriptions in non-infected diarrhea. ICS prescriptions in asthma patients, and ACEIs/
ARBs and statins in diabetes patients were moderately prescribed. However for the latter two conditions
high variations across hospitals were found. The findings urge that all hospitals should promote analysis
of the hospital electronic database to obtain the feedback information, which in turn can guide the implementation
of activities to increase quality of prescribing, at least for the reported conditions.